ในรัชกาลสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจะฬาโลก มีผู้เฒ่าเล่ากันต่อ ๆ
มาว่าในรัชกาลที่ ๑ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
วันหนึ่งเวลาเย็นขณะที่พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกประทับอยู่ ณ ตำหนัก
ในขณะนั้นก็พอดีพระโหราผ่านมาจะเข้าเฝ้า พระองค์ก็เลยรับสั่งให้หา
พระพุทธยอดฟ้าจึงเผยพระโอษฐ์ขึ้นก่อนว่า
“ท่านมาก็ดีแล้ว ท่านโหรา ฉันจะให้ท่านพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์ว่า ต่อไปเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร”
พระโหราจึงกราบทูลว่า
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า การถวายคำพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นเรื่องสำคัญจำจะต้องตรวจการพยากรณ์ โดยความระมัดระวังจะต้องใช้เวลาถึง ๓
วัน จึงจะกราบทูลถวายคำพยากรณ์ได้”
ครั้งแล้วท่านโหราธิบาดีได้จด ปี เดือน วัน เวลา ของวันที่ลงหลักเมือง
กรุงรัตนโกสินทร์ ตามที่พระพุทธยอดฟ้ารับสั่ง แล้วจึงกราบทูลลากลับไป พอครบ
๓ วัน พระโหราธิบดีจึงมาเฝ้าพระพุทธยอดฟ้าตามนัด และได้ถวายคำพยากรณ์เป็น
๑๒ ยุค ดังนี้
ยุคที่ ๑ ได้แก่ รัชกาลที่ ๑ ชื่อว่า มหากาฬ
มีอรรถาธิบายว่า รัชกาลของพระองค์นี้มืดมาก คือพระองค์ไม่รู้ที่จะดำเนินรัฐประศาสนโยบายของประเทศไปในทางไหนดี เพราะเป็นระยะเริ่มก่อร่างสร้างกรุงยุคที่ ๒ ได้แก่รัชกาลที่ ๒ ชื่อว่า พาลยัคฆ์
มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่รับมอบสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ไปจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้ที่ประกอบ ไปด้วยความอ่อนแอ ไม่มีความสามารถในการปกครองยุคที่ ๓ ได้แก่รัชกาลที่ ๓ ชื่อว่า รักมิตร
มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงรัชกาลที่ ๓ นี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงโปรดที่จะทำสัญญาผูกสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ มากยุคที่ ๔ ได้แก่รัชกาลที่ ๔ ชื่อว่า สถิตย์ธรรม มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติ
ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๔ นี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงพอพระทัยฝักใฝ่ในทางธรรม และพระพุทธศาสนามากยุคที่ ๕ ได้แก่ รัชกาลที่ ๕ ชื่อว่า จำแขนขาด
มีอรรถาธิบายว่า จะมีการเสียดินแดนให้แก่ต่างประเทศ ในรัชกาลที่ ๕ ด้วยความจำใจยุคที่ ๖ ได้แก่ รัชกาลที่ ๖ ชื่อว่า ราชโจรัญ
มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงรัชกาลที่ ๖ นี้เป็นพระราชาที่เปรียบเสมือนโจร คือพระเจ้าแผ่นดินที่จับจ่ายใช้สอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มากยุคที่ ๗ ได้แก่รัชกาลที่ ๗ ชื่อว่า ทัณฑ์ทุกข์
มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติถึงรัชกาลที่ ๗ นี้จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มารับเคราะห์หนักตลอดรัชสมัยยุคที่ ๘ ได้แก่ รัชกาลที่ ๘ ชื่อว่า ยุคทมิฬ
มีอรรถาธิบายว่า จะเกิดมีสงครามในยุคนี้ ประชาชน ประชาชาติจะต้องเสียสละทรัพย์สมบัติและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาไว้ของส่วนใหญ่อันเป็นที่รัก (แต่พระโหรา มิได้ทำนายไว้ถึงว่า รัชกาลที่ ๘ จะประสบเหตุการณ์ถึงสิ้นพระชนม์ด้วยลักษณการเช่นนี้)ยุคที่ ๙ ได้แก่รัชสมัยปรัตยุบันนี้ ชื่อว่า ถิ่นสกาว
มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบสันตติวงค์ครองราชสมบัติต่อมา ถึงรัชกาลนี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีบุญญาธิการ ประเทศจะเจริญรุ่งเรืองยุคที่ ๑๐ ชื่อว่า ชาวศรีวิไล
มีอรรถาธิบายว่า ประชาชนพลเมืองจะถึงซึ่งอารยธรรมอันแท้จริงในยุคนี้ (พวกมิจฉาทิษฐิและอธรรมจะเสื่อมสิ้นไป พวกนี้ถ้าไม่ตายด้วยคมหอกคมดาบ ก็จะต้องตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เพราะเป็นยุคของอารยชนที่มีจิตใจเป็นธรรมเท่านั้น ที่จะอาศัยอยู่ในอารยประเทศ ถิ่นสกาวได้ ถ้าผู้ใดไม่มีศีลธรรมผู้นั้นก็เท่ากับฝืนโชค ชะตากรรมของประเทศชาติจะต้องได้รับโทษถึงตาย โดยทางใด ทางหนึ่ง ดังกล่าวมาแล้ว
ยุคที่ ๑๑ ชื่อว่า ไทยมหารัฐ
มีอรรถาธิบายว่า ประเทศจะเป็นมหาอำนาจในยุคนี้ยุคที่ ๑๒ ชื่อว่า จักรพรรดิราช
มีอรรถาธิบายว่า พระเจ้าแผ่นดินจะเป็นถึงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในยุคนี้ที่มา : http://www.patjaa.com/12734/

Leony Li
By
Published: 2015-05-29T00:09:00-07:00
นี่คือคำทำนายประเทศไ๒ รัชกาล” ของ โหรหลวงในสมัทย “๑ย รัชกาลที่ ๑
By
Published: 2015-05-29T00:09:00-07:00
นี่คือคำทำนายประเทศไ๒ รัชกาล” ของ โหรหลวงในสมัทย “๑ย รัชกาลที่ ๑